Digital Assets Navigator
เราได้มีโอกาสมางาน Digital Assets Navigator by Bitkub's Crypto Theses ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้อง Auditorium ชั้น 6 - 7 ของ True Digital Park เป็นงานเสวนาที่จะพาเราเจาะลึกวงในกระแสโลกคริปโตและประวัติศาสตร์โลกของ Bitcoin ETF และ Bitcoin Halving
ในงานมีหลัก ๆ มีทั้งหมด 2 ช่วง คือ opening speech จากทาง Bitkub กับ True Digital Park และ 2 session panel หลัก ๆ คือ เจาะลึกวงในกระแสโลกคริปโตเทรนด์ไหนกำลังมา และ ปีแห่งประวัติศาสตร์โลกกับ Bitcoin ETF และ Bitcoin Halving
opening speech โดยคุณท็อป จิรายุส
คร่าว ๆ คือปีนี้จะมี roadshow ไปแต่ละจังหวัดทั่วไทย และมีงาน Devcon 2024 ที่จัดขึ้นที่ประเทศไทย เป็นงาน meetup
เจาะลึกวงในกระแสโลกคริปโตเทรนด์ไหนกำลังมา
คุณณัฏฐ์ จิตตมัย ผู้ก่อตั้ง GM Learning Club Pudgy Thailand Community Leader
คุณภาณุ ชลหาญ เจ้าของเพจ Nookfree God Defi
คุณกันตณัฐ วุฒิธร Senior Digital Asset Analyst บริษัท บิทคับ แล็บ จำกัด
สรุปภาพรวม NFT ในปี 2024
สำหรับคนที่ไม่รู้จัก NFT ให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าเป็นรูปภาพที่อยู่บน blockchain
ปีที่แล้วเป็นตลาดหมี คนเข้ามาตอนแรกมาเพื่อเน้นเก็งกำไร ในตอนนี้โปรเจกต์ NFT ต่าง ๆ มีบริษัทที่ทำ product เป็นของตัวเอง อย่าง Pudgy Penguins ที่มีของเล่นขาย มีการซื้อขาย product จริง ทำให้มีงบกำไรขาดทุน และในปีนี้เราจะเห็นโปรเจกต์ NFT ต่าง ๆ ต่อยอดในเชิงธุรกิจมากขึ้น
สรุปภาพรวม DeFi ในปี 2024
ในตอนนี้มี DeFi เหลือรอดน้อยในตลาดมาก ที่เหลืออยู่จะเป็นเจ้าดัง ๆ อย่าง Uniswap, CLV
DeFi คือธนาคาร digital ในโลก web3 ซึ่งจริง ๆ ธนาคารในโลกจริงยังอยู่ได้ แต่จะมีธนาคารแบบนี้เข้าไปอยู่ใน web3 มากขึ้น
มีการ proof ว่า DeFi นี้ปลอดภัยไหม ผ่านการ audit บางเจ้ามีประกันคืนแล้ว สามารถตรวจสอบได้ ไม่เหมือนธนาคารในไทย ว่าทำไมมี transaction นี้ เอ้ยยย ในโลกจริง เราสามารถตรวจสอบได้ทุก transaction รองรับคนได้เยอะ ไม่ต้องไปขยายสาขา
และจำนวน DeFi ที่เยอะ แต่ละเจ้าเขาก็จะมี marketing ต่างกัน และยุคนี้มี airdrop hunter เกิดใหม่เยอะมาก
ในปี 2022 DeFi บูมมาก ในปี 2024 dev ข้างหลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนมาก ๆ ซึ่ง wave ที่แล้วจะแข่งกันในเชิงดอกเบี้ย ดูดเงินให้คนเข้าไปฝากเงินในระบบเยอะที่สุด เราจะได้เหรียญของ platform นั้น ๆ จากการฝากเงิน ซึ่งคนไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร ในปีนี้มีการปรับเรื่องของ tokenomic มีท่าเล่นที่หลากหลาย เพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ และมีลูกเล่นที่หลากหลายขึ้น เมื่อก่อนเราเข้า DeFi เพื่อ swap และ farm ตอนนี้เล่นกับ yield ได้ ทำให้ฐานลูกค้าที่ใช้งานแน่นขึ้น และมี use case ที่หลากหลาย
airdrop ในช่วงนี้
เหรียญ airdrop ส่งให้ใคร ที่เขาจะเก็บเหรียญนั้นไว้ ไม่ขาย
เขาก็เลยเลือกคนได้ airdrop มากขึ้น ไม่แจกมั่ว ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาจะแจกคนที่เป็น community builder ที่ช่วยกันสร้างคอมมู ในวันที่ตลาดแย่ เช่น Dymension ($DYM) แจกให้ holder ของ Pudgy Penguins และ holder แต่ละคนก็เอาไป stake มีการแบ่งดอกเบี้ยให้ชุมชน ทำให้ไม่ต้อง fundin เพื่อมาบริหารชุมชน ทำให้ชุมชนมีเงินอีกก้อนหนึ่งเพื่ออยู่ได้ด้วยตัวเอง
Cycle ในปีนี้
เราจะเห็นบริษัทที่จริงมากขึ้น มีการจดทะเบียนต่างประเทศ และมี digital asset เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ของบริษัทด้วย
พูดถึง layer 2 กันบ้าง
ในช่วง Layer 1 blockchain ตัว DeFi เติบโตขึ้นอย่างมาก
DeFi ที่มี TVL สูงสุด 6 โปรเจกต์ ได้แก่ LIDO, Maker DAO, EigenLayer, Aave, Uniswap, Rocket Pool ทุกตัวมีการเติบโตมากน้อยตามแต่ละ platform
มีการเล่นเชิง infrastructure ของ ETH ในส่วนของ PoS ในการ staking และมีบาง DeFi อย่าง Pendle ที่เล่นกับ yield เก็งดอกเบี้ยสูงตํ่า
การหมุนเวียนของเงิน
นอกจากเงิน NFT และ DeFi แล้ว มีอย่างอื่นด้วย แต่เงินยังไปไม่ถึง ตอนนี้มีการไหลเข้ามา มีการ restake เช่น GameFi ด้านอสังหา ด้านการท่องเที่ยว มีการแจกจ่ายใน ecosystem เกิดโครงสร้าง community และ business ใหม่ ๆ เช่น อนาคตอาจจะจ่าย Grab ด้วย BTC ได้
airdrop ในรอบนี้จะจ่ายเงินให้คนจริง ไม่จ่ายให้ scam หรือคนปลอม ต้องมีการพัฒนา community หรือถือเหรียญนั้น ๆ ทำให้เกิด ecosystem ขนาดใหญ่เกิดขึ้น ที่พร้อมเปิดกว้าง
เทรนด์คริปโตที่เริ่มมีบทบาทในโลกจริงมากขึ้น
มี RWA หรีอ Real-World Asset Organization เช่น Pokemon card จะมีคนอยู่ 2 ประเภท คือเล่น กับเก็งกำไร
วิธีการคือ ส่ง card มาให้เขา เอามาแปลงเป็น token รวมกันใส่ซอง เอาไปทำเป็นกาชาปอง ซื้อเสร็จยังไม่ได้ของจริง แต่เรานำมาตั้งขายได้ แต่ถ้าเราอยากได้ตัวการ์ดจริง เขาจะให้เผา token แล้วส่งการ์ดจริงกลับไปให้ เป็นการ unlock barrier ที่แท้จริง
ทิศทางตลาดในอนาคต แบบภาพรวม
สินทรัพย์ดิจิตอลในตลาดคริปโต มี BTC 50% ETH 20% และอื่น ๆ 30% เติบโตเป็น sector ซึ่ง Bitcoin ETF ผ่านการ approve ต้นปี เป็นการเปลี่ยน behavior ของตลาด ให้บริษัทใหญ่ ๆ เข้ามาถือ BTC ได้ ทำให้ได้เม็ดเงินในระบบแข็งแรงมากขึ้น และฐานคริปโต smart มีความมั่นคง แข็งแรง และนิ่งมากขึ้น มองคล้าย ๆ หุ้น tech ตัวหนึ่ง
อนาคต FOMO คนแย่งเข้าตลาด กังวลปัจจุบัน คนต้องมีความรู้เรื่องเหรียญ การใช้งานไม่ได้ง่ายสำหรับทุกคน เช่น เรื่องภาษาอังกฤษ ความรู้ code dev เราจึงต้องขยันเรียนรู้อยู่เสมอ
ด้าน tech หรือ blockchain ไม่มีกำแพงประเทศ NFT ทำให้ติดต่อต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องผ่านใคร
Q & A
เลือกดู source จากที่ไหนดี?
ในตอนนี้หา source ได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนที่ยังมีการแข่งขันกันอยู่ หาหนังสืออะไรงี้ยากมาก และความรู้เปลี่ยนไว
คุณกันตณัฐเล่าว่า เขาเป็นสาย data เอาข้อมูลในแต่ละเชน มาทำเป็น data visualize ออกมา และแนะนำให้อ่าน yearly report ว่าปีนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อ่านแค่สารบัญก็จะทำให้เข้าใจได้เร็วขึ้น
ความเสี่ยงของตลาดอยู่เหมือนความควบคุมไม่ได้ แต่เราควบคุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเราได้ 100%
พี่นุ๊กบอกว่าเดี๋ยวนี้หาอ่าน source ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น มี research ใน market มากขึ้น เลือกอ่านอันที่มีเครดิต
ส่วนพี่นัทบอกว่า GM Club มีการคัดคนเข้ามาในคอมมู แนะนำให้ดู source ที่ถูกต้อง อันไหนไม่แน่ใจให้ double check เอา ถามในคอมมูก็ได้มีเพื่อน ๆ มาช่วยตอบ
และมือใหม่หลาย ๆ คนเจอมีคนต่างชาติทักแชทมาซื้องานในมูลค่าที่สูงมาก ๆ แต่ให้เราโอนค่า gas มาก่อน ตีก่อนเลยว่า scam เราต้องรู้ทันโจร เพราะโจรเก่งขึ้นทุกวัน
อันนี้เราแอบเพิ่มอีกเคสนึงเกี่ยวกับมิจจี้ คือเห็นในกลุ่ม NFT บน Facebook มือใหม่จะเจอคนต่างชาติบอกให้ขายงานที่ platform ที่เราไม่คุ้นเคย แนะนำว่าให้ลงอันที่น่าเชื่อถือ และคนใช้กันเยอะ ๆ อย่าง OpenSea
NFT BRC20 แข่งกับ NFT ที่อยู่บน ETH ได้ไหม?
BRC20 จะอยู่บน Bitcoin ซึ่งเพิ่งเกิด และกำลังดัง ดังนั้นตอนนี้มีแต่ FOMO ยังไม่มีเหตุผล ทำให้บาง NFT ขึ้นสูงมาก
ตลาดสามารถเติบโตได้อีก แต่ต้องระมัดระวัง
ปีแห่งประวัติศาสตร์โลกกับ Bitcoin ETF และ Bitcoin Halving
คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประรานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮล จำกัด
คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ CEO & Co-founder บริษัท อุ๊คบี จํากัด และ ผู้จัดการกองทุน 500 TukTuks
คุณโดม เจริญยศ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โทเคไนน์ จํากัด (Tokenine)
Sentiment แรกเมื่อ Bitcoin ETF อนุมัติ
คนไม่เข้าใจความใหญ่ของ Bitcoin ETF คือคนระดับประเทศยอมเปลี่ยนกฏหมาย เพื่อวาง infrastructure ที่ประเทศเขา เช่น บรูไน, ฮ่องกง, สิงคโปร ที่เขาอยากเป็น fintech hub ของโลก, เวียดนาม
ในไทยมี SCB และ KBANK ที่เริ่มให้บริการซื้อขาย digital asset แล้ว หลาย ๆ ที่ในโลกก็เช่นกัน อยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ new generation ทำให้ธนาคารต้องปรับตัว เก็บลูกค้า 1 ใน 3 เพื่อให้ตัวเองอยู่ได้
เงินจากสถาบันไหลเข้ามาสู่คริปโต บริษัท tech เริ่มซื้อ Bitcoin เก็บก่อน ทำให้บริษัทอื่นเริ่มเก็บ Bitcoin ตาม
กองทุนสำรองแบงค์ชาติในแต่ละประเทศ เขาจะเก็บทองคำ เงินดอลล่า และมี Bitcoin 3% อาจจะฟังดูน้อย แต่ไม่น้อย เนื่องจากเป็นสเกลที่ใหญ่มาก ส่วนในไทยมีทองคำ back ไว้ เพื่อปริ้นเงินบาทออกมา
Bitcoin ETF มีทำให้โลกเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
ถ้าเป็นคนปกติอยากซื้อ Bitcoin ก็ไปเปิดบัญชีกับ Exchange อย่าง Bitkub แล้วก็ไปทำ KYC ฝากเงินเข้า enchange แล้วทำการซื้อได้ แต่ถ้าเป็นสถาบันการเงินใหญ่ ๆ กองทุนมี fund manager มีความยุ่งยากในการ KYC ของตัวบริษัท ถ้าในต่างประเทศจะมีบริษัท MicroStrategy ซื้อ Bitcoin มาตุนใน balance sheet อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการซื้อหุ้น tech บริษัทนี้ เหมือนเป็นการซื้อ Bitcoin ไปในตัว
asset size ของวงการคริปโตในตอนนี้อยู่ที่ 1.8 ล้านล้านดอลล่า มี BTC 50% ETH 20% และอื่น ๆ 30% ถ้าเปรียบเทียบกับ Apple ที่มี 3 ล้านล้านดอลล่า ถือว่าวงการคริปโตเล็กกว่า Apple เกือบครึ่ง และถ้าเปรียบเทียบกับทองคำ ที่มี 12 - 13 ล้านล้านดอลล่า วงการคริปโตเล็กกว่าทองคำ 10 เท่า ทำให้มองเห็น size การเติบโตที่เป็นไปได้
private asset management มี fund manager โดยกองทุนของ BlackRock มี volume ชนะ 400 กองทุน
ก่อนหน้านี้องค์กรอยากถือ Bitcoin แต่ไม่สามารถถือ Bitcoin เองได้ เพราะทรัพย์สินของบริษัทถ้าหายไป ต้องมีคนรับผิดชอบ การแก้ปัญหาอันนี้ของคุณโดม คือ generate key ทั้งหมด 3 ชุด ใช้ 2 ชุด โดยให้ผู้บริหารถือคนละชุด ผู้บริหารที่ถือจะไม่ได้ key จริง ต้องนำของผู้บริหารทั้ง 2 คนมารวมกัน ทำให้ได้ key 24 words ของจริง
การที่ Bitcoin ETF อนุมัติแล้ว แก้ปัญหาพวกนี้ได้ คือบริษัทอยากซื้อ Bitcoin แต่ไม่อยากถือ key เพราะมันยุ่งยาก และมี impaact คือมีเงินไหลเข้ามามากขึ้น ไม่เหมือนตลาดหมีก่อนหน้านี้ key blockchain ความเร่งต่าง ๆ ทำให้ทำได้ง่ายขึ้น
และสามารถเอา Bitcoin มาเป็น backup ได้ มีคน research ข้อมูลตรงนี้ และแนะนำให้ลูกค้าถือ Bitcoin บางครั้งการไม่มี Bitcoin น่าจะเสี่ยงกว่า แนะนำให้เข้าไปสัก 5% ของ port
ปัจจุบันวัยรุ่นถือ Bitcoin 80 - 90% ของ port แล้ว
แล้ว price behavior ของ Bitcoin เปลี่ยนไปไหม?
ปีนี้มี Bitcoin halving
สถิติราคาในแต่ละ cycle: กลางปี 2012 Bitcoin ราคา 11$ -> bullrun ราคา 100$ -> 200$ -> halving รอบ 2 ปี 2016 -> 20,000$ คนไทยเพิ่งรู้จัก Bitcoin เมื่อปี 2017 -> Bitkub กำเนิดขึ้น -> halving 10 May 2020 ตอนนั้นคุณท็อปบอกลูกน้องให้เอา billboard ขึ้น เพราะคาดการณ์ได้ว่าราคาจะขึ้น และราคาปรับตัวขึ้นจริง ๆ วันที่ 2 มกราคม Bitcoin ถึงราคา 1 ล้านบาท -> 2021 bullrun เป็นดอย 3 ราคา Bitcoin 2 ล้าน -> 2022 Luna แตก -> halving 16 - 18 เมษายนปีนี้
หลัง halving ในแต่ละครั้ง จะมีปัจจัยใหม่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ICO, DeFi แต่ในรอบนี้มี magnitude ต่างกันในแง่สถาบัน ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่ารายย่อย เป็น 1% ของ 500 ล้านล้านดอลล่า และรอบนี้มีการถูกปลดล็อกในการลงทุนในสิ่งที่ถูกต้องตามกฏหมาย คือมีกฏหมายออกมาแล้ว และมี infrastructure ที่ปลอดภัยในการเก็บทรัพย์สิน ในตอนนี้ก็จะมี Coinbase แล้วก็ Bitkub เอง ที่มี customizing solution เก็บเงินให้ลูกค้า
ในตอนนี้ที่ผ่านกฏหมายมีแค่ Bitcoin ตัวเดียว ทำให้กองทุนสามารถทำสินทรัพย์เพื่อมาขายนักลงทุนรายย่อยได้
ราคา Bitcoin ในแต่ละปี มีการ snapshot ทุกสิ้นปี ถ้าเรามีแบบแผนในการลงทุน จะขาดทุนน้อยมาก ซื้อไปเรื่อย ๆ แบบ DCA ก็ได้ Bitcoin มีความเสี่ยงน้อยสุดในคริปโตแล้ว ส่วน Etheruem รอดูว่าเดือนเมษานี้จะผ่านหรือไม่
ก่อนหน้านี้การส่งเงินไปต่างประเทศเป็นเรื่องยาก ต้องแลกเปลี่ยนเงินตราเป็นประเทศนั้น ๆ แล้วจ่ายเงิน ในตอนนั้นคุณโดมใช้ Bitcoin ไปจ่ายเงินต่างประเทศ ผ่าน bitcoincentral.com เช่น ส่งเงิน 10000 USD ก็แปลงเป็น Bitcoin แล้วก็ส่ง ก่อนอื่นต้องเปิดกระเป๋าก่อน ซึ่งกระเป๋าก็เปิดยากอีก แล้วคนก็ไม่รู้จัก Bitcoin ในตอนนั้นมีคนขุดเหรียญได้เงินกันเยอะ แบบที่หายไปสองสามวันแล้วเงินหายไปเป็นแสน
แต่เนื่องจากตอนนั้น Bitcoin ราคาไม่สูงมาก แล้วการเปิดกระเป๋าต้องเก็บ key ด้วยอะไรด้วย ปัจจุบันราคา Bitcoin สูงขึ้นมาก คุณโดมพยายามหากระเป๋านั้น แล้วเขาเปลี่ยนคอมมา 2 - 3 รอบ ยังหากระเป๋านั้นไม่เจอ ทุกคนล้วนแต่เอาใจช่วยให้หาเจอในเร็ววัน
Bitcoin Halving ในครั้งนี้ เหมือนหรือแตกต่างจากครั้งก่อนหน้านี้หรือไม่ และส่งผลอย่างไรบ้าง?
การขุด Bitcoin คือเป็นการเข้า cryptograhic ที่เป็น hash function แก้สมการ คนที่แก้สมการได้ในรอบ 10 นาทีจะได้ Bitcoin เป็นรางวัล ถ้าในตอนนี้ก่อน halving รอบที่ 4 ในช่วงเดือนเมษายนนี้ จะได้ 6.25 Bitcoin
สมการคุ้มทุนในการขุด Bitcoin จากความเข้าใจในการฟังคุณท็อปในการอธิบาย
p / q - c = ค่าคงที่
p คือ ราคาของ Bitcoin มีการขึ้นลงของราคา
q คือรางวัลในการแก้สมการได้ ซึ่งรางวัลในการขุด Bitcoin ที่ได้ จะลดลงครึ่งหนึ่งทุก 4 ปี เป็นค่าคงที่
c คือ cost ค่าใช้จ่ายในการขุด ก็คือต้นทุนในการขุด Bitcoin นี่แหละ มีเครื่องขุด และค่าไฟฟ้า มีการปรับขึ้นลงได้
หน้าที่ของเครื่องขุด คือ ช่วยจำใน transaction นี้ ใครเป็นคนโอนเงินมา โอนมาเท่าไหร่ และมีเงินกันเท่าไหร่
การมี demand และ supply ทำให้ Bitcoin ไม่หายจากระบบ เพราะหลัง ๆ จะเริ่มขุดยากขึ้น สมการนี้เป็นสมการทางเศรษฐศาสตร์ มากกว่าคณิตศาสตร์หรือ programming เช่นเราเปิดเครื่องขุดปกติเลย แต่หลัง halving เงินที่เราจะได้หายไปครึ่งนึง อาจจะชักปลั้กไม่ขุดต่อเพราะไม่คุ้ม เป็นต้น
มองภาพง่าย ๆ สมมุติเรามีเครื่องขุดในระบบเครื่องเดียว เราจะได้รางวัลในการแก้ปัญหาอันนี้ทุก 10 นาที และเราได้ 1 block ใหม่เมื่อแก้ปัญหานี้ได้ ทุก blockchain มี blocktime ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถ้ามีเครื่องที่แรงกว่าเขาอาจจะแก้ปัญหานี้โดยใช้เวลาน้อยกว่างี้
ในการสร้างเชนใหม่ อาจจะทำ unit test (การเทสที่มีหน่วยย่อยที่สุด) โดยการเปิดกระเป๋าใหม่ขึ้นมา 2 กระเป๋า แล้วลองโอนเงินกันเอง ถ้าโอนเงินได้ ถือว่าเทสผ่าน
การได้ Bitcoin มา มี 2 วิธี คือ ซื้อจากคนอื่น และการขุด โดยคนขุดสามารถจ่ายต้นทุนค่าไฟฟ้าได้โดยการขาย Bitcoin
เราไม่สามารถหยุด Bitcoin ได้ เฉกเช่นเดียวกับ Bittorent ในสมัยก่อน จึงต้อง regulate ให้ถูกต้อง โดยมีกฏหมายมาควบคุม
ฝากข้อคิด
แนะนำให้กระจายความเสี่ยง ไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น การลงทุนไม่มีใครบังคับเรา เราต้องมีความพร้อมก่อนการลงทุน
ต้องศึกษาความรู้ รายละเอียดเสมอ ก่อนลงทุน
เงินลงทุนของเราแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้นต้องใช้เงินให้เป็น อย่าทุ่มกับมันไปทั้งหมด แบบขายบ้าน ขายรถ
อายุไม่เท่ากัน ถ้าลงทุนแต่เด็ก ๆ ถ้าล้มยังมีเวลาหาเงินใหม่ได้
ในเรื่องการลงทุน BTC ชนะ asset class อื่น ๆ อยู่ที่เราจัด diversify การลงทุนของเรายังไง เราต้องมีกลยุทธ์ในการลงทุนในระยะยาว และเลือกสินทรัพย์ที่มั่งคงในการลงทุน อย่าง port ของพี่หมู มี BTC อยู่ 50% ด้วยกัน
ระวังเรื่องความปลอดภัย เรามีกระเป๋า metamask กัน เพิ่มความปลอดภัยด้วย hardware wallet แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย 100% บางครั้งเราเผลอ sign ทิ้งไว้อาจจะโดนดูด เพราะ smart contract มีการเปลี่ยนเจ้าของ มีเรื่อง multi-chain ที่ bridge เหรียญแล้วไม่ออก เรื่อง key ถ้าเราไม่ชัวร์ อย่าถือเอง อาจจะฝากไว้ใน Bitkub ที่เขามี private key เก็บไว้ และเขาผ่าน กลต ด้วย
Q & A
ปีนี้ Bitkub มี roadmap ว้าว ๆ ไหม
มี product ใหม่ ไม่เฉพาะแค่ exchange เท่าน้ัน ตัว Bitkub มี 6 บริษัทลูกในมือ ที่เห็นว่าอาจจะยังไม่มีอะไรปล่อยออกมา เพราะว่าทำงานหลังบ้านกันเยอะมาก เพราะ regulator เพิ่มความเพ็งเล็งกับคนที่รอดจาก LUNA ในตอนนี้ทำของที่อยู่ใต้ภูเขานํ้าแข็ง คือ regulation tech เสร็จแล้ว และปีนี้เป็นปีของลูกค้า Bitkub ทุกคน มี feature ใหม่ ๆ ปล่อยออกมาทุกกลุ่ม ถ้าใครใช้งานแล้วติดอะไรตรงไหน หรืออยากได้อะไรเพิ่ม สามารถ feedback ไปทางทีมงาน หรือคุณท็อปได้เลย
ตลาด crypto ไทย กับการกำกับของ กลต.
จริง ๆ มีกฏหมายดี แต่นโยบายไม่ส่งเสริม เช่น ไม่สามารถออก ICO ได้ ก่อนหน้านี้มีออกแค่ DESTINY TOKEN ของภาพยนตร์บุพเพสันนิวาส 2 เป็นเหรียญเก็งกำไรไม่ได้ มี utility ชัดเจน ราคานิ่ง หลาย ๆ เจ้ามีการคุยกับ กลต และยังไม่เคยได้ list เหรียญเพิ่ม หลังจาก 3 ทหารเสือ (KUB SIX JFIN)
utility ของเหรียญ เช่น ใช้ซื้อสินค้า ได้ point เมื่อเขามีของพร้อมใช้เขาก็อยาก list เหรียญ มีบางเหรียญเป็น native game พร้อมใช้ สามารถ liist ได้ เข้าไป register แล้วรอประกาศ
อาจจะมีหลาย ๆ เหรียญ ICO ที่ออกโดย กลต ประมาณ REALX จะมีการ list บนกระดาน Bitkub ประมาณ 4 - 5 เจ้า
regulator ออกกฏหมายกำกับเพื่อให้เราปลอดภัย กำกับเหมือนกัน แต่ไม่ได้ appiled เหมีอนกัน
งานทั้งหมดก็จะเป็นประมาณนี้ ที่งานลงทะเบียนเสร็จได้เสื้อ KUB กันไปคนละตัว ภายในงานคือนอกจากชาวคณะ web3 ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา และไม่รู้จักแล้ว ยังมีคนรุ่นผู้ใหญ่ แนวรุ่นพ่อรุ่นแม่ รวมถึงวัยรุ่นมากันเยอะมาก ๆ ที่สำคัญตอนจบงานคนต่อคิวถ่ายรูปกับคุณท็อป และพี่หมู เยอะมาก ๆ แบบคิวยาวสุด ๆ เลย
Last updated